Wednesday, April 10, 2019

ไอเดีย Say Yes! Idol Gen. Z ใช่เลย! สำหรับ “โครงการบรรพชาสามเณรเพื่อฟื้นฟูพระพุทธศาสนาทั่วไทย” ตอนที่ ๑





 เมื่อเช้าวันเสาร์ที่ ๖ เมษายน พ.ศ.๒๕๖๒ เห็นรายการโทรทัศน์รายการหนึ่งถ่ายทอดสด ได้ยินเสียงใสๆ ของว่าที่สามเณรน้อยนับหมื่นกว่าคน ที่ตั้งใจเปล่งคำขานมูลกรรมฐานตามพระอุปัชฌาย์อย่างพร้อมเพรียงกันนั้น มีพลังและน่าฟังยิ่งนัก "เกสา โลมา นขา ทันตา ตโจ" "ตโจ ทันตา นขา โลมา เกสา" หรือแปลจากภาษาบาลีเป็นภาษาชาวบ้านว่า "ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง"  เป็นบทฝึกที่ต้องตระหนักถึงความเป็นจริงว่า มองให้ไกลจนสุดแล้ว จะเห็นความจริงว่าทุกชีวิตย่อมเสื่อมโทรม เสื่อมสลายไป และสุดท้ายเมื่อคนเราตายไป ร่างกายทั้งหมดนี้ก็ต้องเผาไหม้สลายหายไป ไม่มีใครเป็นเจ้าของร่างกายอย่างแท้จริง 




แต่จะมีสักกี่คนที่เข้าใจและซาบซึ้งถึงความหมายของมูลกรรมฐานบทนี้ ที่เตือนให้ดำเนินชีวิตอยู่บนความไม่ประมาทในวัยหนุ่มสาว จะได้ไม่หลงใหลในรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ที่ปัจจุบันเทคโนลยีสมัยใหม่ออกแบบ และสื่อสารออกมาในรูปแบบต่างๆ นานามากมาย ผ่านโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ท          และโซเชี่ยลอื่นๆ ทำให้เกิดความสะดวกสบายในการนำพาตัวเองเข้าไปค้นหาข้อมูลที่ยั่วยวนทั้งหลาย เพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัส







ทำความเข้าใจเด็ก Gen.Z
เด็กยุคปัจจุบัน หรือที่มักเรียกว่า Generation Z บางคนบางกลุ่มมีความสามารถที่จะยับยั้งชั่งใจในการใช้สื่อได้ อาจเนื่องจากมีพ่อแม่ ผู้หลักผูใหญ่ ครูบาอาจารย์ เป็นกัลยาณมิตรช่วยชี้แนะเหตุและผล ความควรหรือไม่ควรต่างๆ ผลดีหรือผลเสีย อันที่อาจจะเกิดขึ้นให้ความรู้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง หรืออาจเห็นตัวอย่างต่างๆ ที่สะท้อนภาพให้เห็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งนับว่าเป็นบุญของบางคนที่ได้มีโอกาสใกล้ชิดกับกัลยาณมิตรผู้มีความปรารถนาดี 









ผู้ใหญ่ที่เข้าใจพัฒนาการของเด็กช่วงวัยรุ่น จะเข้าใจถึงแรงต่อต้าน ความดื้อดึงของวัยรุ่น หากพวกเขาถูกควบคุมด้วยกฎเกณฑ์ที่เคร่งครัดจนเกินไป ดังนั้น บทเรียนที่เหมาะสมจึงต้องผสานกับความสนุก มีความสุข ไม่ใช้คำรุนแรงแต่ให้เหตุผล ไม่ใช้บทลงโทษที่รุนแรงเพราะจะเกิด reaction แรงสะท้อนกลับ  ที่จะทำให้เกิดผลเสียและเป็นแผลใจได้ทั้งฝ่ายกระทำและฝ่ายถูกกระทำ ฉะนั้นผู้ที่ดูแลและให้การอบรมเยาวชน Generation Z จึงต้องอาศัยความเข้าใจความเป็นธรรมชาติของพวกเขาเหล่านั้น มีความยืดหยุ่นสูงและมีอารมณ์ขัน จะได้ลดความตึงเครียดและลดความกดดันทั้งสองฝ่าย



พัฒนาต่อยอดเด็ก Gen.Z
เด็กยุค Gen.Z คำว่า Gen.Z ออกเสียงคล้ายคำว่า  Gen.See เป็นเจนเนอเรชั่นที่อยากรู้อยากเห็น ด้วยความเป็นวัยเจริญพันธุ์ เป็นช่วงวัยอยากรู้อยากเห็นอยากลอง อยากทำนั่นอยากทำนี่ ชอบความเป็นอิสระ ชอบแสดงออก มีความเชื่อมั่นในตนเองสูง เพราะฉะนั้น เมื่อพวกเขาแสดงความคิดเห็นตางๆ ผู้ใหญ่ก็ควรเปิดใจให้กว้าง ยอมรับฟังพวกเขาบ้าง









การพัฒนาการช่วงวัยรุ่นที่เป็นช่วงวัยหัวเลี้ยวหัวต่อ พวกเขาอาจจะให้ความสนใจในด้านวิชาการ ด้านการทดลองวิทยาศาสตร์ ด้านภาษา ด้านการดนตรี ด้านศิลปะ ด้านแฟชั่น ด้านการแสดง ด้านการร้องเพลง ด้านการกีฬา ด้านการคำนวณ ด้านคอมพิวเตอร์ ด้านการประดิษฐ์สร้างสรรค์ต่างๆ เป็นต้นนั้น และการแสดงความสามารถเหล่านั้นออกมาอย่างสร้างสรรค์ผ่านสื่อต่างๆไม่ใช่เรื่องที่แปลกในสังคมปัจจุบัน มีครอบครัวจำนวนมาก และบริษัทหลายๆ แห่ง ที่ให้ทุนสนับสนุนเด็กที่มีความสามารถพิเศษยอดเยี่ยม ต่อยอดความฝันของพวกเขาให้เป็นจริงขึ้นมา
  



แต่ข้อคิดที่ควรระวัง คือ ต้องให้ "ความรู้" ควบคู่กับ "คุณธรรม" ด้วย มิฉะนั้นแม้ประสบความสำเร็จโดดเด่นตั้งแต่เยาว์วัย แต่จิตใจขาดวิสัยของคนดี อย่างคนที่เรียกว่า "บัณฑิต" เช่น รู้จักเลือกคบมิตรแท้ ไม่คบคนพาล รักความสะอาด ความมีระบบระเบียบ ความมีวินัย ความคิดอ่านที่จะอ่อนถ่อมตนอย่างแท้จริง ความมีอารมณ์มั่นคงสม่ำเสมอไม่หวือหวา คุณธรรมความกตัญญูกตเวที ความเคารพรู้จักคุณความดีของผู้มีพระคุณ ผู้ให้กำเนิดชีวิตเลือดเนื้อ ผู้เลี้ยงดู ผู้ให้ความเมตตาอบรมส้่งสอน ผู้ให้ความรู้ที่ดีงาม ผู้ให้โอกาสที่ดี การเห็นคุณค่าของผู้อื่นเป็นต้น หากไม่มีวิสัยบัณฑิตก็ได้ชื่อว่าเป็นเพียงคนเก่งอย่างเดียว ไม่ได้เป็นคนดี



Idol Gen.Z ต้นแบบคนดีในสังคม
เท่าที่ได้ทราบมาว่าการอบรมของ "โครงการบรรพชาสามเณรเพื่อฟื้นฟูพระพุทธศาสนาทั่วไทย"" ณ วัดพระธรรมกาย นั้น มีบทฝึกตนที่น่าสนใจมากมายหลายประการ ทั้งการฝึกอยู่ร่วมกันเป็นทีม ดูแลกันและกันด้วยระบบหมู่ ๕ คน ๑๐ คน การผลัดกันเป็นหัวหมู่ เพื่อฝึกความเป็นผู้นำและผู้ตามที่ดี  การฝึกช่วยเหลือเกื้อกูลกัน การรับผิดชอบต่อตนเองและหมู่คณะ เช่น รู้จักซักผ้า ล้างจานให้สะอาด ทำความสะอาดห้องสุขา การฝึกระเบียบวินัย เรียนรู้ความเข้าใจในพระคุณของพ่อแม่ฝึกคุณธรรมความกตัญญูกตเวที และการฝึกสมาธิ เป็นต้น










หากจบการอบรมแล้วกลับไปที่บ้าน พ่อแม่จะรู้สึกภาคภูมิใจในตัวลูกสักเพียงใด ถ้าลูกที่ไม่เคยช่วยงานบ้านเลย สามารถช่วยล้างจาน ปัดกวาดเช็ดถูพื้น ทำความสะอาด ช่วยเหลืองานบ้านได้หลายๆ อย่าง ที่ตนเกี่ยวเนื่องด้วย หรือทำเพื่อส่วนรวมของครอบครัว และกลายเป็นคนดี มีความรับผิดชอบต่อตนเองและผู้อื่น พ่อแม่จะปลื้มปีติสักเพียงใด ถ้าลูกของตนได้พัฒนาตัวเองจนกลายเป็นต้นแบบที่ดีของเพื่อนๆ ในโรงเรียน เป็นต้นแบบที่ดีของสังคมได้อีกด้วย 


ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล: มงคลชีวิต 38 ประการ ฉบับทางก้าวหน้า โดยพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ PhD.
                                       จิตวิทยาพัฒนาการ โดย สุชา จันท์นเอม
                                       วัยรุ่นวัยวุ่น โดย ประมวล ดิคคินสัน PhD.
ขอขอบคุณแหล่งที่มาของภาพ: ภาพดีดี 072




No comments:

Post a Comment